หากแต่เป็นเรื่องราวของสตรีผู้ผลักดันตัวตนจนถึงขีดสุด
ต่อสู้กับความอยุติธรรมของโลกจนได้รับชัยชนะ
มนุษยชาตินั้นอ่อนแอ ถูกฉุดรั้งด้วยกฎเกณฑ์ของยุคสมัยที่ตนเองมีชีวิตอยู่
ยอมจำนนต่อโชคชะตาที่ถูกกำหนด หวาดกลัว เจ็บช้ำ และร่วงหล่นดำดิ่งสู่ความสิ้นหวัง
ศตวรรษที่ 16 ที่ซึ่งโชคชะตาถูกกำหนดมาแต่ชาติกำเนิด
ที่ซึ่งฐานะของบุรุษเพศเกือบเทียบเทียมเทพเทวา แต่สตรีนั้นต่ำต้อยกว่าเถ้าธุลีดิน
ที่ ๆ คนในวงสังคมชั้นสูงคือมนุษย์ ชาวบ้านร้านถิ่นคือเดรัจฉาน
ยังมีสตรีนางหนึ่งถือกำเนิดขึ้นมาในวงสังคมชั้นสูงหากแต่เลือกที่จะเป็นชนสามัญ
เธอ ผู้สยบโลกไว้แทบเท้า
ศตวรรษที่ 16 สตรีได้ป่าวร้องก้องประกาศ...
มิมียุคใดแกร่งกล้าเกินมนุษย์
[มิมีสิ่งใดยิ่งใหญ่เกินมนุษยชาติ]
[ลำพังเพียงกาลเวลามิอาจต้านทานแรงปรารถนาต่อความยุติธรรมของมนุษยชาติ]
|